บอกกล่าว
ชีวิตมนุษย์นั้นมันสั้นนัก ไม่อาจจะรู้ได้เลยว่า ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตจะอยู่ที่ตรงไหน ผู้คนมากมายในโลกปัจจุบันนั้นมัวแต่วุ่นวายกับการเสพวัตถุ มีความพึงพอใจหลงติดกับกามฉันทะเป็นส่วนมาก สะสมพอกพูนราคะ โทสะ และโมหะ โดยไม่ได้คำนึงถึงสิ่งใด ปล่อยวันเวลาล่วงไปๆ โดยไม่ได้สนใจเรื่องบาปบุญคุณโทษ ละเลยตนเอง แม้จะส่องกระจกแต่งหน้าทาปากอยู่ทุกวัน กลับมองไม่เห็นตนเองแม้แต่น้อย เสมือนคนตาบอดที่เมื่อชีวิตสิ้นสุดปลายทางที่ความตาย ก็ไม่อาจจะรู้ที่ ที่ตนจะไปได้ กำหนดไม่ได้ว่าจะไปทิศทางใด
แต่แน่นอนว่าโลกนี้ยังมีบัณฑิตหลงเหลืออยู่ พวกเขาไม่ปล่อยวันคืนให้ผ่านล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์ พวกเขามองเห็นว่าสุดท้ายปลายทางของชีวิตไม่อาจหลีกพ้นพญามัจจุราชคือความตายไปได้ ดังนั้นพวกเขาเหล่านี้ จึงพากันขวนขวายแสวงหาสิ่งที่พวกเขาควรจะศึกษาและปฏิบัติ แสวงหาหนทาง เส้นทางที่จะนำพาเขาไปยังจุดหมายที่เขาจะไปได้ ไม่ให้ตกไปสู่อบายภูมิ ค้นพบทางหลุดพ้นออกจากวัฏสังสารนี้ ซึ่งนั่นก็คือ พระธรรม อันเป็นธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสั่งสอนแก่สาวกไว้ดีแล้ว อันมีพระสงฆ์เป็นผู้เผยแพร่ จนมาถึงปัจจุบันนี้
เราเองก็จัดเป็นนักศึกษาและปฏิบัติธรรมคนหนึ่ง ที่ชอบอ่านชอบฟังธรรมะ ทั้งพุทธวจนะจากพระโอษฐ์และจากครูบาอาจารย์หลายๆท่าน ว่ามีคำสอนและแนวทางในการปฏิบัติอย่างไรแล้วนำมาปฏิบัติ และไปปฏิบัติที่วัดวาอารามบ้าง ท้ายที่สุดคิดได้ว่า ปฏิบัติที่ไหนก็เหมือนกัน เพื่อลดความวุ่นวาย จึงปฏิบัติอยู่ที่กายนี้ดีกว่า เพราะไปที่ไหนก็ปฏิบัติที่กายที่ใจเราอยู่ดี
มาถึงตอนนี้ คิดที่จะนำสิ่งที่รู้ที่ศึกษาจากพระพุทธวจนะและคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์มาเป็นเครื่องมือเครื่องอาศัยสำหรับผู้อื่นบ้าง ก็ติดที่ว่า เป็นคนพูดน้อย พูดไม่เก่ง ไม่ชอบโชว์หน้าตา พูดจาต่อหน้าสาธารณชนสักเท่าใด จึงนำสิ่งต่างๆที่ศึกษามาเขียนลงไว้ในที่นี้ เผื่อจะมีประโยชน์กับท่านผู้ศึกษาและปฏิบัติเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้น อย่างน้อยก็ให้มีสุคติภูมิเป็นปลายทางก็ยังดี จึงหวังอย่างยิ่งว่าธรรมบางส่วนนี้จะนำท่านทั้งหลายจะพบหนทางอันประเสริฐด้วยตัวของท่านเองเพราะผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ไม่จำกัดกาล
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น