หลังจากนอนพักผ่อนเสพบรรยากาศในจุดกางเต็นท์ของอุทยานแห่งชาติสามหลั่นมาหนึ่งคืน ก็ได้เวลาเที่ยวชมภายในอุทยานกันแล้ว
ฉันผู้ซึ่งมาเยือนที่นี่เป็นครั้งแรก ก็วางแผนลงเล่นน้ำด้วยการเตรียมชุดพร้อมเปียก สาวเท้าฉับฉับเข้าไปหาน้ำตกสามหลั่นดด้วยความหวังว่า “วันนี้จะเล่นน้ำตกให้ชื่นใจ”
ทางเดินเป็นทางที่มีหินมีน้ำขัง ต้องเดินอย่างระมัดระวัง มองทางและหาช่องทางเดินไปเรื่อยๆ ท่ามกลางร่มเงาของไม้ใหญ่ ทำให้อากาศดีมากๆ
เมื่อมาถึงน้ำตกสามหลั่น ฝันของฉันก็สลายกลายเป็นธุลีไปในทันที ภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นริ้วน้ำตกขนาดกระทัดรัดสามชั้นที่พอมองไปดูในแอ่งน้ำตกแล้วมันไม่สามารถเล่นได้ มันไม่น่าเล่นเลย เพราะข้างในมีแต่ใบไม้ เหมือนพื้นที่ ที่ไม่ค่อยมีน้ำแล้วใบไม้มันมาทับถมกัน พอฝนตกลงมาหลายๆวันปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น แล้วน้ำก็ไหลลงมาจากที่สูงแล้วมายังอยู่ มันเลยดูเป็นสภาพอย่างที่บรรยายไป
ฉันจึงเปลี่ยนจากโปรแกรมเล่นน้ำตกเป็นเดินป่าแทน เดินไปถ่ายรูปไปเรื่อยๆตามเส้นทางที่เจ้าหน้าที่ทำไว้ ก็จะมีเส้นทางที่เดินแบบเห็นเป็นทางกับแบบที่เราต้องหาทางเดินเอง ก็เดินขึ้นไปได้เรื่อยๆ เลาะน้ำตกบ้าง ข้ามน้ำตกบ้างได้ระยะหนึ่งก็จะต้องสิ้นสุดการเดินทางเส้นนี้ เพราะทางข้างหน้า เจ้าหน้าที่ไม่ได้เคลียร์ไว้ จึงมีแต่หญ้าขึ้นเต็มไปหมด หน้าฝนอย่างนี้ น่าจะมีงู ฉันจึงถอยดีกว่า
เพราะจริงๆแล้วน้ำตกโพธิ์หินดาดมันจะมีทางเข้าอีกทาง ก่อนถึงน้ำตกสามหลั่น มันจะมีป้ายชี้ไปทางซ้าย ซึ่งเข้าไปไม่ไกลมาก ซึ่งคุณจะไปเจอกับน้ำตกโพธิ์หินดาดและลานหินอัคนี้ ซึ่งฉันผู้ไม่รู้ทางได้เดินหลงเข้าไปมาเดินแล้ว
แต่ถ้าคุณเดินไปเข้าทางเส้นทางศึกษาธรรมชาติตามรอยเจ้าฟ้า คุณก็จะเดินอ้อมป่าแล้วไปเจอกับน้ำตกโตนรากไทรก่อน
แล้วก็จะมีเส้นทางเดินเขาวกกลับมาเจอน้ำตกโพธิ์หินดาดอีกที แล้วก็ออกไปตรงลานจอดรถหน้าทางเข้าน้ำตกสามหลั่น และน้ำตกตามที่เห็นในแผนที่ ที่ไม่มีทางเดินไปถึงก็คือ น้ำตกรอยเกือกม้า ฉันหาป้ายกับทางไปไม่เจอ
และนี่ก็คือทั้งหมดของเส้นทางเดินป่าภายในอุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่นที่ฉันไปเดินเล่นมา หลังจากเดินจนเหงื่อไหลไคลย้อย ตัวเหนียวหนึบหนับฉันก็กลับไปดื่มน้ำและไปอาบน้ำแต่งตัวขี่จักรยานออกไปกินข้าวขาหมูร้านก่อนเข้าอุทยานแล้วไปนั่งจิบกาแฟกินเค้กเติมพลังที่ร้านบ้านเจ้าทุย
จากนั้นก็ขึ้นเขาไปนมัสการรอยพระพุทธบาทข้างขวาแล้วลงมากราบพระที่วัดพระฉาย
ต้องบอกเลยที่เที่ยวใกล้ๆ อุทยานฯ มีไม่เยอะแต่ใช้เวลาในการขึ้นไปพอสมควร เนื่องจากต้องเดินขึ้นบันไดไปบนเขาที่มีลิงน้อยคอยต้อนรับตลอดเส้นทาง กับอากาศที่ร้อนอบอ้าวแบบนี้ ก็ทำให้ฉันหมดแรงเหมือนกัน แต่พอกลับมาในตัวอุทยานฯ ก็อดไม่ได้ที่จะขี่จักรยานวนไปวนมาอีกเกือบชั่วโมงรับลมเย็นก่อนที่จะกลับไปที่เต็นท์
ในวันที่สองของการกางเต็นท์ ต้องขอขอบพระคุณพี่เต็นท์ข้างๆ อีกท่านที่มากางเมื่อเช้าที่แบ่งมังคุดมาให้ผมทาน และนั่งคุยกันพักหนึ่ง ก่อนที่จะโดนฝนไล่เข้าเต็นท์ มังคุดอร่อยมากครับ
คืนที่สองเนื่องจากเป็นคืนวันเสาร์ ที่ 1 ก.ย.67 ทำให้มีผู้คนมากางเต็นท์กันเยอะมาก คืนนี้เลยต้องนอนฟังบางกลุ่มบางคนคุยกันจนดึกดื่นเที่ยงคืนไม่นอนซักที เจ้าหน้าที่ก็ไม่มีเดินมาเลย เสียงธรรมชาติหายไปหมดเลย เซ็งเป็ด
Leave a Reply